หากจะขนานนามให้ “จิ่วจ้ายโกว” เป็นดินแดนแห่งเทพนิยาย เหนือจินตนาการ ก็คงไม่น่าแปลกเท่าไหร่นัก เนื่องจากที่เที่ยวจีนแห่งนี้มีทัศนียภาพอันแสนงดงามราวกับภาพวาดที่จิตรกรสรรค์สร้างไว้ ทั้งหุบเขาน้อยใหญ่ ทิวยอดสนเรียงราย ทะเลสาบสีคราม น้ำตกรูปร่างแปลกตาประหนึ่งถูกจำลองขึ้นมา รายล้อมธรรมชาติและอากาศตามแบบฉบับที่คนไทยโหยหา น่าเดินทางมาสัมผัสสักครั้งในชีวิต หากคุณกำลังสนใจที่เที่ยวแห่งนี้ แต่ไม่รู้ว่า Jiuzhaigou มีอะไร เดินทางแบบไหน ห้ามพลาดเด็ดขาด!
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เที่ยวจิ่วจ้ายโกว ที่เที่ยวจีนยอดฮิต ทำไมต้องมาสักครั้งในชีวิต?
Jiuzhaigou ในภาษาจีนนั้นหมายถึง “ธารน้ำเก้าหมู่บ้าน” เนื่องจากเมื่อก่อนบริเวณหุบเขาแห่งนี้เคยมีชาวทิเบตอาศัยอยู่ประมาณ 9 หมู่บ้าน อุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou National Park) คือสถานที่ท่องเที่ยวจีน ในมณฑลเสฉวนที่ค่อนข้างได้รับความนิยมจากชาวไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติโดย UNESCO ในปีค.ศ. 1992 เนื่องจากความโดดเด่นด้านทัศนียภาพของทะเลสาบสีฟ้ากว้างใหญ่ น้ำตก และใบไม้เปลี่ยนสีตามฤดูกาลเกิดเป็นภาพสวยงามราวกับไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ ถ้าเพื่อน ๆ อยากลองเสพบรรยากาศแบบไหน ต้องเลือกมาให้ถูกฤดูกาลด้วยนะ
เที่ยวจิ่วจ้ายโกวเดือนไหนสวยที่สุด
High season ของ Jiuzhaigou National Park ได้แก่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี หรือประมาณช่วงเดือนตุลาคม อากาศเริ่มหนาวเย็น หิมะโปรยลงมาเล็กน้อยท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าหลากสีสัน เขียว เหลือง ส้ม แดง ตัดกับทะเลสาบสีคราม น้ำใสงดงามเหนือจินตนาการ แต่ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวเลย ก็ได้บรรยากาศของภูเขาสีขาว ต้นสนซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ทะเลสาบบางแห่งจับตัวเป็นน้ำแข็ง และอาจมีสายฝนโปรยปรายลงมาด้วยบางครั้ง ฤดูร้อนอากาศสบาย ทั้งนี้อย่าลืมเตรียมเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมตามฤดูกาลกันด้วยล่ะ บอกเลยว่ามีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเยอะมาก ทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติตามแบบฉบับแลนด์มาร์คเมืองจีนยอดนิยม
สภาพอากาศแต่ละเดือน
ฤดูหนาว : ตั้งแต่เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ อุณหภูมิ -5-0 องศาเซลเซียส
ฤดูใบไม้ผลิ : ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม อุณหภูมิ 9-18 องศาเซลเซียส
ฤดูร้อน : ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม อุณหภูมิ 19-23 องศาเซลเซียส
ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี : ตั้งแต่เดือนกันยายน-พฤศจิกายน อุณหภูมิ 8-20 องศาเซลเซียส
6 จุดเช็คอินจิ่วจ้ายโกวที่ต้องแวะชมให้ได้
เมื่อมาถึงหน้าอุทยานฯ เสร็จสรรพ สำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่จัดทริปเที่ยวจีนด้วยตัวเอง แนะนำให้จองตั๋วเข้าอุทยานฯ ล่วงหน้าจากเว็บไซต์ แล้วนำพาสปอร์ตใบเดียวยื่นให้แก่เจ้าหน้าที่ ก็สามารถผ่านเข้าไปด้านในได้เลยง่ายกว่าที่คิด ประตูจะเริ่มเปิดช่วง 08.30 น. จากนั้นก็สามารถขึ้นรถตรงจุดจอดบัสนำเที่ยวได้เลย มีไกด์ชาวจีนคอยอธิบายด้วยภาษาจีนตลอดทาง และจอดให้เราลงเดินเล่น เลือกเดินต่อไปเที่ยวเอง หรือขึ้นรถตามจุดจอดบัสก็มีให้เห็นตลอด อำนวยความสะดวกดีมาก
1. Bamboo Lake Waterfall
นี่คือจุดเช็คอินแรกสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจิ่วจ้ายโกว มุมนี้มีม่านน้ำตกไหลหั่นลงมาจากชั้นหิน จากในรูปเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะสถานที่มีน้ำตกกว้างขวางมาก พื้นหลังเป็นชั้นหินและมีราวกันตกกั้นนักท่องเที่ยวเอาไว้ นักท่องเที่ยวก็ค่อนข้างเยอะเช่นกัน
2. Panda Lake
ที่มาของชื่อ “Panda Lake” ก็คือ บริเวณนี้จะมีแพนด้าลงมากินน้ำอยู่บ่อยครั้ง หากโชคดีก็คงมีโอกาสพบเจอกับน้อง เป็นจุดที่มีสะพานไม้ให้เราเดินชมธรรมชาติรอบทะเลสาบ มองเห็นภูเขาสลับซับซ้อน ถ้าใครหิวจุดเช็คอินนี้มีอาหารการกินครบครัน รวมถึงบริการเช่าชุดชาวทิเบตสำหรับนักท่องเที่ยวในราคาประมาณ 800-1,500 บาท เลือกตามใจชอบได้เลย
3. Five Flower Lake
บริเวณ Five Flower Lake เปรียบเสมือนไฮไลท์เด็ดสำหรับผู้คนที่เดินทางมาท่องเที่ยวจิ่วจ้ายโกว เพราะความสวยงาม อลังการ เหนือจินตนาการของเขา ทำให้หลายคนยกให้เป็นอันซีนประเทศจีน ที่ต้องแวะมาสักครั้งในชีวิต แต่จะเห็นวิวแมกไม้ 5 สีจะต้องมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้นนะ เพราะถ้ามาฤดูหนาวหิมะตกก็จะเห็นเพียงแค่ท้องน้ำสีเขียวมรกตตัดกับเทือกเขาหิมะและยอดไม้สีขาวโพลนแทน
4. Pearl Shoal Waterfall
หรือสิ่งที่คนไทยเรียกว่า “ธารน้ำตกไข่มุก” ระดับความสูงกว่า 40 เมตร ความกว้าง 310 เมตร ยิ่งใหญ่อลังการ โดยน้ำบริเวณดังกล่าวนั้นไหลตกลงมาจากหน้าผาเกิดเสียงดังกึกก้อง และไหลไปตามเนินหิน ต้องมาช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงจะได้เห็นบรรยากาศของต้นไม้สีเขียวรอบน้ำตก
5. Mirror Lake
หรือทะเลสาบกระจก เป็นจุดชมวิวทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในอุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว และเหตุที่ได้ชื่อนี้มาครองก็เนื่องมาจากน้ำสีใสราวกับกระจก สะท้อนเงายอดไม้ เมฆบนฟ้า รวมถึงแสงจันทร์ เป็นอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวเยอะจนตาแตก
6. Shuzheng Valley jiuzhaigou
หรือหมู่บ้านซู่เจิ้ง ชุมชนชาวทิเบตที่ทางอุทยานเนรมิตขึ้นมา โดยตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับน้ำตกซู่เจิ้ง ทำให้มีวิวทิวทัศน์สุดงดงามตระการตา สถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้าง เช่าชุดทิเบตถ่ายรูปหลาย ๆ มุม น่าจะถูกใจสายคอนเทนต์ แถมยังมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเยอะเป็นพิเศษอีกด้วย ใครตามหาจุดเช็คอินที่เที่ยวเฉิงตูสวย ๆ ต้องแวะ
สรุป
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ “จิ่วจ้ายโกว” สถานที่ท่องเที่ยวสุดอลังการของเมืองจีนที่เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองไปทำความรู้จัก แถมยังเดินทางสะดวกง่ายดายด้วยรถไฟฟ้า มาต่อแท็กซี่ หรือจะเลือกรถบัสฟรีก็มีเช่นกัน ใครวางแพลนท่องเที่ยวอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะแวะมาดีไหม ซ้ำกับวิวที่อื่นหรือเปล่า แนะนำให้ปักหมุดมา เพราะที่นี่สวยไม่เหมือนจุดไหนอย่างแน่นอน
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราเพิ่มเติมได้ที่ Everyday-trip.com