เชื่อว่าบางคนน่าจะเคยเห็นรูป “หินสามวาฬ” หรือโขดหินขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับวาฬยักษ์ ตั้งเด่นอยู่กลางป่ากันมาบ้างแล้ว เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดบึงกาฬ ใครผ่านไปมาบอกเลย นี่คือพิกัดที่คุณไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง วันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับที่เที่ยวดังกล่าว หากพร้อมแล้วมาขี่หลังปลายักษ์กลางป่าใหญ่ ชมทะเลหมอก มองท้องฟ้าสีครามไปพร้อมกันกับ Everydaytrip ได้เลยค่ะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับ “หินสามวาฬ” ที่เที่ยวบึงกาฬยอดฮิต ต้องมาสักครั้งในชีวิต!!
“หินสามวาฬ” คือสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในพิกัดเขตพื้นที่อนุรักษ์ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา แห่งป่าดงสีชมพู มีลักษณะเป็นหินขนาดมหึมามีหน้าผาสูง 3 ก้อน เรียงติดกันคล้ายกับตัวของวาฬหัวทุยหรือวาฬสเปิร์ม หากมองในระยะไกลจะคล้ายกับฝูงวาฬแหวกว่ายอยู่กลางป่าสีเขียวขจี ซึ่งทั้งหิน 3 ก้อนจะมีชื่อเรียกเฉพาะก็คือ พ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ โดยตั้งชื่อจากขนาดของก้อนหิน พ่อวาฬจะมีขนาดใหญ่ที่สุดและเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยว แม่วาฬอยู่ข้าง ๆ มีขนาดเล็กลงมา และบริเวณหินลูกวาฬไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไป ซึ่งทั้งหมดนี้มีอายุอานามราว ๆ 75 ล้านปีกันเลยเชียว เรียกได้ว่าเป็นอันซีนบึงกาฬที่เราไม่ควรพลาด!!
กิจกรรมน่าสนใจ
หลายคนขนานนามให้ที่นี่เป็นจุดชมวิวบึงกาฬที่สวยที่สุดอีกหนึ่งแห่ง โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีหลากหลายกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเลือกทำ หรือจะไปตะลุยกันให้หมดเลยก็ได้เช่นกัน หากทำไหว!! และต่อไปนี้คือกิจกรรมที่คุณอาจชื่นชอบก็ได้นะ
1.ชมพระอาทิตย์ขึ้นบนหลังวาฬ
บอกเลยว่านี่คือกิจกรรมยอดฮิตที่ผู้คนนิยมมาปักหลักรอรับชมกันมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า หากเราหันหน้าไปทางผาสูงจะสามารถมองเห็นแสงสีทองค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาเป็นชั้นสวย บอกเลยว่าต้องถ่ายรูปเก็บไว้ เพราะบรรยากาศดีมาก
2.ชมทะเลหมอก
นอกจากพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ก็มีทะเลหมอกนี่ล่ะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิต เพราะเมื่อขึ้นไปบนผา เราจะสามารถมองลงไปด้านล่าง เห็นวิวแบบ 360 องศากันเลยทีเดียว แต่การไปดูทะเลหมอก บึงกาฬแห่งนี้ก็ยังมีข้อจำกัด เพราะสามารถขึ้นไปได้เพียงบางฤดูเท่านั้น และช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเยี่ยมชมหมอกมากที่สุดก็คือ ช่วงหน้าหนาวหรือหลังฝนตกนั่นเอง แต่ถ้าหากมีแดดออก ลมพัดผ่าน หมอกก็จะหายไปเร็วมากเช่นกัน
3.ถ่ายรูปสวย ๆ
การถ่ายรูปแทบจะเป็นกิจวัตรประจำวันของใครบางคน และสิ่งที่คุณจะต้องทำเมื่อมาเยือนหินสามวาฬแห่งนี้ก็คือ “ถ่ายรูป” ใครมาคนเดียว กลัวถ่ายไม่สวย เขามีพี่ ๆ เจ้าหน้าที่คอยให้บริการถ่ายรูปด้วยโดรน บอกเลยว่ามุมของภาพจะสวยและกว้างกว่าใช้มือถือถ่ายในระดับสายตา พี่ ๆ เขาถ่ายออกมาได้สวยราวกับมืออาชีพเลยล่ะ มาแล้วอย่าลืมไปสอบถามกันนะคะ
การเดินทาง
การเดินทางมายังสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ จะไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปได้ เพราะหากไม่ชำนาญเส้นทางมากพอ อาจเกิดความยากลำบากและเกิดอุบัติเหตุได้ ทางอุทยานเขามีรถคอยให้บริการคันละ 500 บาท ใครมากับเพื่อนหรือเห็นคนที่กำลังจะขึ้นไปพร้อมกันก็สามารถแชร์ค่ารถได้
และทางอุทยานเขาจะพาเราไปยังจุดหมาย จากที่จอดรถเราสามารถเดินขึ้นไปบนหินวาฬได้เป็นระยะทางประมาณ 50 เมตร ซึ่งทางเดินไปยังหินตัวพ่อจะไม่ยากลำบากเท่าไหร่ เป็นเส้นทางเรียบ ๆ แต่ทางไปตัวแม่จะยากลำบากสักหน่อย
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/mXhXh2gYqXJEQmLV9
หินสามวาฬ น่ากลัวไหม?
เห็นเป็นหน้าผาสูงแบบนี้เชื่อว่าหลายคนคงไม่กล้าขึ้นไป เพราะกลัวจะเป็นอันตราย แต่ด้วยความที่หน้าหินของเขาค่อนข้างกว้าง และมีต้นไม้ขนาบข้างอยู่บ้าง ก็จะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ถึงอย่างไรก็ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเพื่อไม่ให้ลื่น และพยายามอย่าเข้าไปในบริเวณที่มีโอกาสตก เพราะทางอุทยานไม่ได้กันรั้วเอาไว้ เพื่อความเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ที่เที่ยวใกล้เคียง
นอกจากวาฬสามพ่อแม่ลูกก็ยังมีที่เที่ยวภูสิงห์ แนะนำอีกมากมาย อาทิเช่น กำแพงภูสิงห์, หัวใจภูสิงห์, จุดชมวิวหินหัวช้างและจุดชมวิวถ้ำฤาษี พื้นที่โดยรอบก็จะออกแนวป่าเขาลำเนาไพร ไม่ต่างกัน บางจุดเราสามารถวางแพลนเดินทางไปเที่ยวชมเองได้เลยทันทีด้วยสองเท้าของตนเอง แต่บางจุดก็ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่พาเข้าไป ตรงนี้เพื่อน ๆ ลองสอบถามกับทางอุทยานอีกทีจะดีที่สุด เพราะกฎเกณฑ์ต่าง ๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเวลาผ่านไป
และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับอันซีนแสนสวยสดงดงามแห่งเมืองบึงกาฬอย่าง “หินสามวาฬ” ที่เราได้นำมาฝากเพื่อน ๆ ซึ่งน่าจะตอบโจทย์ของผู้ที่กำลังตามหาพิกัดเที่ยวในจังหวัดเล็ก ๆ แสนสงบสุขอยู่บ้าง บอกเลยว่าหากใครได้ลองย่างกรายมาเหยียบหลังวาฬ ชมท้องฟ้า สูดอากาศบริสุทธิ์ ชมทะเลหมอก ดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ต้องหลงในมนต์เสน่ห์ของที่นี่แบบถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นแน่นอน
แนะนำที่เที่ยวอื่น ๆ ใน บึงกาฬ
