สำหรับอีพีพิเศษของ Everydaytrip ในวันนี้ เราจะชวนทุกคนมาเปลี่ยนบรรยากาศการท่องเที่ยว จากการออกไปท่องเที่ยวภูเขา ชมทะเลหมอก หรือไปทะเล มาเป็นการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์กันที่ วัดศรีชุม จังหวัดสุโขทัย วัดที่มีตำนานเล่าขานถึงเรื่องพระพุทธรูปพูดได้ และยังเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญของไทย ใครพร้อมจะออกเดินทางท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ แถมยังได้ไหว้พระเสริมความเป็นสิริมงคล เสริมดวง เสริมโชคลาภเงินทองกันอีกด้วย ตาม Everydaytrip ไปกันได้เลยค่ะ
ที่ตั้ง
วัดศรีชุม ตั้งอยู่ที่ ถนนจรดวิถีถ่อง ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ซึ่งวัดเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ค่ะ
ประวัติความเป็นมาวัดศรีชุม
หากแปลความหมายจากชื่อวัด คำว่า “ศรี” มาจากคำว่า “สะหลี” ซึ่งหมายถึง “ต้นโพธิ์” ส่วนคำว่า “ชุม” หมายถึง การมีจำนวนมากหรือชุกชุมนั้นเองค่ะ เมื่อนำความหมายของทั้งสองคำมารวมกัน “ศรีชุม” จึงมีความหมายว่า “ดงต้นโพธิ์” ค่ะ ที่นี่เป็นโบราณสถานที่สันนิษฐานว่า มีการสร้างขึ้นในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ซึ่งปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ 1 และหลักที่ 2 ที่เรียกว่า “จารึกวัดศรีชุม” นอกจากนี้ยังพบจิตรกรรมภาพเขียนฝาผนัง ตามผนังอุโมงค์ที่มีอายุเก่าแก่เกือบ 700 ปี ซึ่งภาพเหล่านั้นก็เลือนรางไปแทบทั้งหมด อีกทั้งยังมีการพบภาพลายเส้นที่สลักลงบนผนังหินชนวน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนิทานชาดกต่าง ๆ จำนวน 50 ภาพ ถือเป็นงานจิตรกรรมที่ทรงคุณค่าและมีความหมายต่อประวัติศาสตร์เมืองสุโขทัยเป็นอย่างมากค่ะ
ลักษณะและบรรยากาศ
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของวัดแห่งนี้คือ ความเป็นวิหารเก่าแก่ รูปทรงสี่เหลี่ยมคล้ายมณฑป ซึ่งมีการสันนิษฐานว่า ในสมัยก่อนหลังคาน่าจะมีลักษณะโค้งคล้ายโดม แต่ในปัจจุบันไม่มีหลังคาหลงเหลืออยู่แล้ว เนื่องจากได้พังทลายลงตามกาลเวลา ทำให้วิหารเหลือเพียงผนังสี่ด้าน และไม่มีหน้าต่าง บรรยากาศรอบ ๆ พระวิหารจะมีความร่มรื่น เพราะถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย
ภายในพระวิหารมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยหรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “พระอจนะ” ประดิษฐานอยู่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ มีหน้าตักกว้างถึง 11.3 เมตร พระชงฆ์ทั้งสองข้างติดกับผนังด้านข้างของมณฑปทั้งสองฝั่ง ซึ่งองค์ที่นักท่องเที่ยวได้แวะเวียนกันไปกราบไหว้นี้ เป็นองค์ที่มีการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในช่วงราว ๆ พ.ศ. 2496-2499
พระวิหารถูกสร้างและออกแบบมาอย่างแยบยลกว่าที่หลายคนคิดไว้เยอะเลยค่ะ ถึงตัวผนังจะปิดทึบไม่มีหน้าต่างแต่ทางทิศใต้จะมีช่องที่สามารถเดินเข้าไปด้านในได้ ซึ่งชาวบ้านจะเรียกช่องนี้ว่า “อุโมงค์วัดศรีชุม” เมื่อนักท่องเที่ยวเดินลอดเข้าไปแล้วจะเจอกับบันไดแคบ ๆ ที่สามารถเดินไปถึงด้านข้างของพระพุทธรูปได้ และยังสามารถเดินไปโผล่ที่กำแพงพระวิหารด้านบนได้อีกด้วยค่ะ
ตำนานพระพุทธรูปพูดได้ จริงหรือไม่
นักท่องเที่ยวหลายคนอาจเคยได้ยินตำนานพระพุทธรูปพูดได้ที่วัดแห่งนี้ จึงได้เดินทางมาพิสูจน์หาความจริง ซึ่งที่มาของพระพุทธรูปพูดได้เกิดจากการที่ วิหารเป็นอุโมงค์ไม่มีหน้าต่าง ทำให้เสียงจะก้องกังวาน ดังนั้น เมื่อเราเปล่งเสียงออกมา จะทำให้เสียงสะท้อนราวกับเสียงนั้นมาจากพระพุทธรูปนั่นเองค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ Everydaytrip เชื่อว่า นักท่องเที่ยวบางคนนอกจากจะอิ่มบุญแล้ว ยังได้เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์ติดตัวอีกด้วยค่ะ