หากญี่ปุ่น คือดินแดนในฝันสำหรับนักเดินทาง “คามิโคจิ” ก็คงเป็นความใฝ่ฝันอันดับต้น ๆ ของนักท่องโลกกว้างเช่นกัน รับรองว่าถ้าเพื่อน ๆ ได้รู้จักกับสถานที่แห่งนี้แล้ว จะต้องเก็บเอาไว้เป็นหนึ่งใน Bucket list ของชีวิตอย่างแน่นอน ด้วยความงดงามแบบเรียบง่ายตามธรรมชาติของเทือกเขาเจแปนแอลป์ ผู้คน วัฒนธรรม และการเดินทางของประเทศญี่ปุ่น ช่างเอื้ออำนวยต่อการตกหลุมรักเหนือสิ่งอื่นใด
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เที่ยวคามิโคจิ (Kamikochi) ชม Unseen ญี่ปุ่นที่ต้องมาสักครั้งในชีวิต
ท่ามกลางอากาศร้อนแบบเบาบางในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ประชากรจำนวนมากมักออกเดินทางหลบสภาพอากาศมาพึ่งพาความเย็นกันที่ “คามิโคจิ” ดินแดนแห่งสายน้ำไหลเอื่อย ณ อุทยานแห่งชาติชูบุซังกาคุ (Chubu Sangaku National Park) จังหวัดนากาโน่ (Nagano) ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น กับฉากทัศน์ด้านหลังเป็นภูเขาหิมะลูกใหญ่ น้ำใสไหลเย็น รายล้อมไม้ป่าเขียวขจี หรือหลากสีสันตามฤดูกาล จึงทำให้อุณหภูมิของที่นี่เย็นกว่าในเมือง 4-5 องศากันเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าใครจะเดินทางไปก็อย่าลืมเช็คสภาพอากาศให้ดี จะได้เตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับอากาศ
คามิโคจิ เปิดเดือนไหน?
โดยปกติแล้วที่เที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้ไม่ได้เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี เนื่องจากปิดเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่สภาพอากาศค่อนข้างเย็นจัด ประกอบกับหิมะที่ตกมาก นักท่องเที่ยวอาจได้รับอันตรายจากการเดินทางเข้ามา จากนั้นจะเปิดให้เข้าไปด้านในอุทยานอีกทีประมาณกลางเดือนเมษายน จนถึงพฤศจิกายนของทุกปี ส่วนจะเปิดวันไหน อย่างไร ต้องติดตามข้อมูลของแต่ละปีอีกครั้งหนึ่ง
คามิโคจิ กับสภาพอากาศเย็นสบาย
โดยทั่วไปแล้วสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้มักมีอุณหภูมิต่ำกว่าในเมือง ซึ่งในแต่ละเดือนอุณหภูมิเฉลี่ยจะค่อนข้างแตกต่างกันมากดังต่อไปนี้
ฤดูใบไม้ผลิ : ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน-ปลายมิถุนายน อุณหภูมิโดยประมาณ 1-19°C สำหรับชาวไทยถือว่าหนาวมาก และยังคงกลิ่นอายของบรรยากาศในฤดูหนาวเอาไว้อยู่ เห็นหิมะปกคลุมยอดเขา แมกไม้เขียวชอุ่ม สามารถพบเจอฝนตกได้ในบางวัน
ฤดูร้อน : เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน ความร้อนของประเทศนี้มีอุณหภูมิราว ๆ 12-24°C โดยประมาณ ถือว่าเย็นสบายกำลังดีสำหรับคนไทย ใส่เสื้อผ้าง่าย ยอดเขาเขียวขจี ปราศจากหิมะสีขาว ฤดูกาลนี้นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นค่อนข้างเยอะ ใครอยากดูหนุ่มญี่ปุ่นปีนเขา แนะนำให้มา คนเดินป่ากันให้พรึบ
ฤดูใบไม้ร่วง : จะเริ่มประมาณกลางเดือนกันยายนไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ถือว่าเป็นช่วง High season เพราะนักท่องเที่ยวจะมาชมใบไม้เปลี่ยนสีกันค่อนข้างมาก บวกอากาศเย็นกำลังดีประมาณ 10-14°C และทวีความหนาวเย็นมากยิ่งขึ้นไปจนถึงขั้นอุณหภูมิติดลบในช่วงเดือนพฤศจิกายน
3 จุดเช็คอินคามิโคจิ มาแล้วต้องแวะ
1. สะพานกัปปะ (Kappa Bridge)
สะพานกัปปะ คือสะพานแขวนที่พาดผ่านลำธารเหนือแม่น้ำอะซุสะ (Azusa River) ที่ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1910 และเหตุที่ได้ชื่อว่า “กัปปะ” เนื่องจากในสมัยก่อนยังไม่มีสะพานข้ามแม่น้ำ ชาวบ้านที่ผ่านไปมาจึงต้องวางของเอาไว้บนหัวเพื่อกันข้าวของเครื่องใช้เปียก มองดูเหมือนตัว Kappa ก่อนเป็นที่รู้จักสำหรับคนทั่วไปในปีค.ศ. 1927 จากนวนิยายเรื่อง “คัปปะ” โดยคุณนักเขียนรีวโนซูเกะ อากูตางาวะ ส่วนเรื่องวิวทิวทัศน์บอกเลยว่าโคตรอลังการ เห็นธารน้ำไหลผ่านหิน ฉากหลังเป็นภูเขาลูกใหญ่ ภาพที่เห็นด้วย 2 ตา สวยอลังการกว่าในรูปแน่นอน เป็นอันซีนญี่ปุ่นที่ควรมาสักครั้งในชีวิต แล้วจะติดใจ
2. แม่น้ำอาซุสะ (Azusa River)
จุดนี้เลยสะพานกัปปะมาหน่อย เหมาะสำหรับคนที่อยากสูดกลิ่นอายธรรมชาติในคามิโคจิ แบบไร้ซึ่งสิ่งปลูกสร้าง ช่วงน้ำน้อยหน่อยเราสามารถเดินลงไปด้านล่าง เอาเท้าแตะหิน เพื่อข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้เลย น้ำไหลเอื่อยและเย็นมาก บรรยากาศดี เหมาะสำหรับเป็นที่เที่ยวครอบครัว เด็ก ๆ ชอบมากแน่นอน
3. บึงไทโช (Taisho Pond)
หากว่าคุณเป็นสายเดินป่า รักธรรมชาติ การทอดสองเท้าตามเส้นทางไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงบึงไทโช ก็นับว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่เลว เพราะนี่คือจุดที่สามารถมองเงาสะท้อนของขอบฟ้า ต้นไม้ และภูเขาบนผืนน้ำได้อย่างชัดเจน บรรยากาศระหว่างทางช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งถ้าใครจะมาแนะนำให้พกกระดิ่งสำหรับไล่หมีมาด้วย เนื่องจากมีโอกาสพบเจอหมีป่าที่คามิโคจิง่ายมาก แต่ไม่ต้องห่วงเพราะทางอุทยานมีป้ายเตือนชัดเจนว่าจุดไหนเคยมีหมีผ่านมา ถ้าเจอห้ามถ่ายรูป ห้ามส่งเสียงดัง และตีตัวออกห่างอย่างเงียบ ๆ เพื่อความปลอดภัย
คามิโคจิ และวิธีการเดินทาง
จากโตเกียวมายังอุทยานแห่งชาติชูบุซังกะกุ ใช้เวลาในการเดินทาง 4 ชั่วโมงด้วยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งถ้าใครอยากเช่ารถขับเอง จำเป็นต้องทำใบขับขี่สากลเสียก่อน ทั้งนี้ก็สามารถนั่งบัสโดยสารประจำทางมาได้เช่นกัน มีหลายสถานีให้เลือก เช่น โตเกียว ชินจูกุ ชิบูย่า เป็นต้น
สรุป
การเดินทางจัดทริปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับชาวไทย แถมผู้คนที่คามิโคจิก็ยังน่ารัก ยิ้มแย้ม ทักทายชาวต่างชาติเป็นอย่างดี ไม่เสียงดังรบกวนชาวบ้านตามสไตล์มนุษย์ญี่ปุ่น ใครอยากไปเที่ยวอย่าลืมวางแพลนให้ดี เช็คสภาพอากาศ จะได้เตรียมเครื่องแต่งกายให้เข้ากับสภาพอากาศ และเจอกับฉากทัศน์ที่สวยงามสมใจ สุดท้ายนี้เราหวังอย่างยิ่งว่าสิ่งที่นำมาฝากจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราเพิ่มเติมได้ที่ Everyday-trip.com