เชื่อว่าเกือบทุกคนคงเคยได้เรื่องยินพิธีกรรมการเจิมรถเมื่อเราออกรถใหม่กันมาบ้างแล้ว แล้วการเจิมคืออะไร เจิมแล้วมีประโยชน์หรือช่วยในเรื่องใดได้บ้าง แล้วถ้าไม่เจิมจะใช้รถคันนั้นในการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ได้ไหม หลายคนคงเกิดความสงสัยในใจ วันนี้ Everyday-trip จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับพิธีกรรมการเจิมรถ ในฐานะที่เราต้องใช้รถใช้ถนนอยู่เป็นประจำค่ะ
ความเป็นมาของพิธีกรรมการเจิมรถ
หากพูดถึงวัฒนธรรมหรือพิธีกรรมการเจิมรถ จริง ๆ แล้วไม่ได้มีแค่ที่ไทยเราเท่านั้นค่ะ เราสามารถพบเจอพิธีกรรมดังกล่าวได้ทั่วโลกในเกือบทุกศาสนา แต่ไทยเรานั้นนับถือศาสนาพุทธ ทำให้เราได้รับอิทธิของพิธีกรรมนี้มาจากอินเดียนั่นเองค่ะ โดยในทางศาสนาพุทธได้มีการกล่าวถึงการเจิมไว้ว่า เป็นการทำเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ในสมัยโบราณจุดเริ่มต้นของพิธีกรรมนี้คือ การทำสัญลักษณ์เป็นจุดวงกลมสีเขียวหรือสีดำไว้ที่มุมของผ้าจีวรพระสงฆ์ เพราะในสมัยนั้น ผ้า เป็นสิ่งที่หาใช้ยากมาก ๆ จึงมีการเจิมเพื่อป้องกันการอาบัติ จากการใช้ผ้าที่ไม่ได้อนุญาตให้ใช้ นอกจากนี้การเจิมยังกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคล และเริ่มมีการทำพิธีกรรมการเจิมในโอกาสต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น งานขึ้นบ้านใหม่ งานแต่งงาน ค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียมในการประกอบพิธี
สำหรับการเจิมรถนั้นนิยมทำกับรถที่เพิ่งออกใหม่ และปัจจุบันผู้คนนิยมไปเจิมที่วัดดัง ๆ หรือที่มีคนบอกเล่าต่อ ๆ กันมาว่าศักดิ์สิทธิ์ เรื่องสถานที่ในการเจิม หากมีโอกาส เราจะมารีวิวให้ทุกคนได้อ่านกันอีกรอบนะคะ แต่ทั้งนี้ใครที่ไม่สะดวกเดินทางเราก็สามารถทำได้ด้วยตนเอง หรือให้พ่อแม่หรือผู้ใหญ่ที่เรานับถือทำการเจิมให้ได้ค่ะ ส่วนของที่ต้องเตรียมเวลาทำการเจิมก็จะประกอบไปด้วย เครื่องหอมหรือน้ำอบ แป้งดินสอพอง พานหรือจานสำหรับวางของ เตรียมดอกไม้ธูปเทียนเป็นขันธ์ห้า พวงมาลัยดอกไม้สำหรับห้อยหน้ารถ แผ่นทองคำเปลว และหากใครมีจิตศรัทธาอาจจะเตรียมปัจจัยสำหรับถวายผู้ทำพิธีก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
การเจิมรถช่วยอะไรในการเดินทาง
พิธีกรรมนี้ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่ใช้รถ เพราะมีความเชื่อว่าเป็นการเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับทั้งตัวเองและรถที่ใช้งาน ทำให้ผู้ขับขี่มีกำลังใจในการเดินทาง และเดินทางถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย หากใช้รถคันนั้นประกอบอาชีพ ก็จะทำให้มีความเจริญรุ่งเรือง มีโชคลาภเงินทอง อีกทั้งเชื่อว่าเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของรถ ต่อเจ้าที่เจ้าทางหรือสิ่งที่เชื่อว่าปกปักรักษารถนั่นเองค่ะ แม้พิธีการเจิมจะก่อประโยชน์ที่อาจจะไม่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ แต่การเจิมก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการเดินทาง และทั้งนี้ก็ขึ้นกับความสบายใจ และความเต็มใจเจ้าของรถค่ะ
ทั้งนี้พิธีกรรมดังกล่าวที่ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา ในความจริงนั้นไม่ได้มีข้อกำหนดตายตัว หากใครมีความเชื่อก็สามารถทำได้โดยไม่เสียหายอะไร ส่วนคนที่ไม่เชื่อหรือไม่ได้พอใจที่จะปฏิบัติ ก็ไม่ถือว่าผิดแปลกอะไรค่ะ เพราะการเดินทางนั้นไม่ได้ขึ้นกับรถเพียงอย่างเดียว ตัวผู้ขับขี่เองก็มีผลต่อความปลอดภัยของการเดินทางด้วยเช่นกันค่ะ การไม่ประมาท ตั้งสติเป็นสิ่งที่ช่วยเราได้มากที่สุด ใครจะออกทริปเที่ยวก็ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยนะคะ
